4 เทคนิค Remarketing เพิ่มยอดขายออนไลน์

รีมาร์เก็ตติ้งเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์โดยกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแล้ว ต่อไปนี้เป็นสี่เทคนิครีมาร์เก็ตติ้งที่มีประสิทธิภาพที่ควรพิจารณา:

รีมาร์เก็ตติ้งผลิตภัณฑ์แบบไดนามิก: เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการแสดงโฆษณาในแบบของคุณต่อผู้ใช้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณหรือโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์เฉพาะ ใช้แพลตฟอร์มรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก เช่น โฆษณา Google หรือโฆษณาบน Facebook เพื่อสร้างโฆษณาที่แสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการแบบไดนามิกที่ผู้ใช้ดูหรือเพิ่มลงในรถเข็น ด้วยการเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เฉพาะที่พวกเขาสนใจ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้

รีมาร์เก็ตติ้งการละทิ้งรถเข็น: การละทิ้งรถเข็นเป็นปัญหาทั่วไปในการขายออนไลน์ ใช้แคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งการละทิ้งรถเข็นเพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่เพิ่มสินค้าลงในรถเข็นแต่ไม่ได้ทำการซื้อให้เสร็จสมบูรณ์ ส่งอีเมลส่วนบุคคลหรือแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับสินค้าในรถเข็นและจูงใจให้พวกเขาทำการซื้อให้เสร็จสิ้น เสนอส่วนลด ค่าจัดส่งฟรี หรือโปรโมชันแบบจำกัดเวลาเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาทำ Conversion

การขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: การขายต่อยอดและการขายต่อเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย ใช้แคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งที่แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือเสริมให้กับลูกค้าโดยพิจารณาจากการซื้อหรือประวัติการเข้าชมก่อนหน้านี้ แสดงโฆษณาส่วนบุคคลหรือส่งอีเมลเป้าหมายโดยเน้นผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมและเน้นคุณค่าที่สามารถให้ได้ สิ่งนี้กระตุ้นให้ลูกค้าทำการซื้อเพิ่มเติมหรืออัปเกรดคำสั่งซื้อที่มีอยู่

รีมาร์เก็ตติ้งความภักดีของลูกค้า: การรักษาลูกค้าที่มีอยู่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว ใช้กลยุทธ์รีมาร์เก็ตติ้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าของคุณ แบ่งกลุ่มรายชื่อลูกค้าของคุณตามประวัติการซื้อ ระดับการมีส่วนร่วม หรือสถานะความภักดี ส่งอีเมลส่วนบุคคลหรือแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมายเพื่อให้รางวัลแก่ลูกค้าผู้ภักดีด้วยส่วนลดพิเศษ การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนใคร หรือโปรโมชั่นพิเศษ โดยการส่งเสริมความภักดีของลูกค้า คุณสามารถเพิ่มการซื้อซ้ำและสร้างการอ้างอิงแบบปากต่อปากในเชิงบวก

อย่าลืมนำเทคนิครีมาร์เก็ตติ้งเหล่านี้ไปใช้อย่างมีกลยุทธ์ และพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น การกำหนดความถี่สูงสุด ความเกี่ยวข้องของโฆษณา และการส่งข้อความส่วนบุคคลเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งของคุณเป็นประจำ ทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มยอดขายออนไลน์

ในยุคปัจจุบันนี้กระแสการ รีโนเวทบ้าน หรืออาคารกำลังมาแรง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องต่าง ๆ เช่น งบประมาณ หรือทำเลที่ตั้ง

รีโนเวทบ้าน คือ การใช้โครงสร้างเดิมของอาคารที่มีอยู่แล้วมาซ่อมแซม ปรับปรุง แก้ไข ต่อเติม ตกแต่งภายในหรือภายนอก เพื่อให้บ้านหรืออาคารนั้นกลับมามีสภาพดี มีชีวิตชีวาเหมือนใหม่ มีความสวยงามน่าใช้งานในทำเลที่ตั้งเดิม รีโนเวทบ้านเก่า ราคาประหยัด ทำให้การรีโนเวทนั้นมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการสร้างบ้านหรืออาคารใหม่ จึงทำในคนส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกที่จะรีโนเวทแทนการสร้างใหม่มากยิ่งขึ้น

เราจึงมีเคล็ดลับมาฝากสำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากรีโนเวทบ้านหรืออาคาร ที่มีงบประมาณจำกัด และอยากได้งานที่ดีมีคุณภาพตรงตามความต้องการ ไปดูกันเลย

1.กำหนดเป้าหมายของการ รีโนเวท บ้าน อาคาร ให้ชัดเจน

ก่อนที่จะทำการรีโนเวทสิ่งแรกที่ควรทำคือ ตั้งวัตถุประสงค์และกำหนดความต้องการของตัวคุณเองก่อนว่ารีโนเวทเพื่ออะไร อยากรีโนเวทให้เป็นรูปแบบไหน เช่น เพื่อซ่อมแซมบ้าน ปรับเปลี่ยนสไตล์ ขยายพื้นที่การใช้งาน หรือปรับปรุงเพื่อทำธุรกิจ เป็นต้น รี โน เวท บ้านใหม่บนโครงสร้างเดิม ถ้าคุณกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนได้แล้วนั้น ก็จะทำให้ไม่ต้องรีโนเวทหลายรอบ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้วยังทำให้คุณไม่เสียเวลาอีกด้วย

2.ศึกษาข้อมูล และวางแผนก่อนการ รีโนเวทบ้าน อาคาร

การที่จะรีโนเวทนั้นควรสำรวจพื้นที่ ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างเดิมให้เข้าใจก่อน ซึ่งคุณควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ หรือทีมงานมืออาชีพที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้การทำงานในขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโครงสร้าง หรืองานระบบต่าง ๆ เพราะถ้าหากคุณไม่มีความรู้ในด้านนี้แล้วลงมือทำเองอาจจะทำให้การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

3.ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็นการรีโนเวทหรือการก่อสร้างอาคารใหม่นั้น ต่างต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย แม้คุณจะจ้างบริษัทที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องนี้แล้ว ก็ควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้รู้ขอบเขตสิ่งที่คุณสามารถทำได้ และเพื่อป้องกันความผิดพลาดในระหว่างหรือหลังการก่อสร้าง เช่น หากคุณทำการก่อสร้างหรือรีโนเวทแล้วเรียบร้อย แต่ผลปรากฎว่าบ้านหรืออาคารนั้นถูกก่อสร้างหรือปรับปรุงโดยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ก็อาจจะทำให้คุณต้องเสียค่าปรับ ถูกสั่งรื้อถอน หรือถึงขั้นติดคุกเลยทีเดียว

4.กำหนดขอบเขตของงบประมาณในการ รีโนเวท บ้าน อาคาร

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรีโนเวทนั้นคือ “เงิน” เพราะแทบทุกขั้นตอนหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการรีโนเวทนั้นต้องใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อน คุณจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดงบประมาณให้ชัดเจน เพราะงบประมาณจะเป็นตัวกำหนดสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้รับเหมา แบบบ้านหรืออาคาร วัสดุที่ได้คุณภาพเหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้ เป็นต้น และแนะนำให้คุณเผื่องบประมาณสำรองไว้ใช้สำหรับกรณีเกิดปัญหาใหม่ ๆ หรือมีเรื่องที่ไม่คาดคิดที่นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ เพื่อไม่ให้งานเกิดความล่าช้า และงบประมาณบานปลาย

5.เลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ หรือช่างผู้รับเหมาที่มีคุณภาพและไว้ใจได้

คุณอาจคิดว่าการรีโนเวทเป็นเรื่องที่ง่ายมีขั้นตอนไม่ซับซ้อนเหมือนการสร้างสร้างบ้านหรืออาคารใหม่สามารถทำเองได้โดยไม่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งความคิดนี้นั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะการที่จะรีโนเวทบ้านหรืออาคารแต่ละหลังนั้นต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากคุณขาดความชำนาญก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

6.รีโนเวทเฉพาะส่วนที่จำเป็น

การรีโนเวทคุณไม่จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหรือรื้อใหม่ทั้งหมด เพราะอาจจะทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ควรสำรวจดูว่าส่วนไหนบ้างที่ควรรีโนเวท หรืออาจปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญว่าส่วนนี้ทำได้หรือไม่เพื่อให้ค่าใช้จ่ายของการรีโนเวทนั้นอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้

7.ตัดสินใจรีโนเวทครั้งเดียว ไม่เปลี่ยนใจบ่อย

ถ้าหากคุณไม่อยากเสียเวลาและไม่อยากให้งบประมาณบานปลายนั้น เมื่อเริ่มทำการรีโนเวทแล้วคุณควรยึดตามแผนเดิมที่วางไว้ให้ได้มากที่สุด และในระหว่างการก่อสร้างคุณไม่ควรเปลี่ยนใจบ่อย เพราะทีมงานอาจวางแผนการทำงานไว้ ซึ่งอาจจะทำให้กระทบกับงานส่วนอื่น ๆ ได้

8.เลือกวัสดุและอุปกรณ์รีโนเวทให้เหมาะสม

ในบางครั้งการเลือกวัสดุที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้งบประมาณบานปลายได้ ในปัจจุบันนี้มีวัสดุมากมายให้คุณเลือก คุณอาจจะทำการศึกษาเปรียบเทียบราคาและคุณภาพการใช้งานของวัสดุก่อนทำการตัดสินใจเลือกซื้อ หรือถ้าหากคุณใช้บริการของบริษัทที่รับออกแบบหรือรีโนเวทควรให้บริษัททำรายการประกอบราคาสินค้า เพื่อเปรียบเทียบราคากลางกับสินค้าในตลาด

9.ไม่จ่ายเงินค่ารีโนเวททั้งหมดให้แก่ผู้รับเหมาในครั้งเดียว

คุณควรแบ่งจ่ายเงินให้แก่ช่างหรือผู้รับเหมาเป็นงวด ๆ และควรทำสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้คุณประสบกับปัญหาช่างทิ้งงาน งานไม่เสร็จ หรือทำงานไม่เรียบร้อย เพราะหากช่างหรือผู้รับเหมาทำงานไม่ตรงตามความต้องการยังสามารถพูดคุยกันได้ หรือเปลี่ยนผู้รับเหมาได้ ทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความเป็นจริง

10.ไม่อยู่ในบ้านหรืออาคารที่กำลังทำการรีโนเวท

ในระหว่างการดำเนินการรีโนเวทควรจัดระเบียบข้าวของเครื่องใช้ใน และหาที่พักสำรองเพื่อความสะดวกในการทำงานของทีมช่าง ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากอุปกรณ์ก่อสร้าง ไม่เสียสุขภาพจิตจากเสียงในการก่อสร้าง และไม่ต้องเสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจากความเสียหายที่อาจเกิดจากตัวคุณเอง

วิธีการรีโนเวทบ้านหรืออาคารนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรที่จะต้องทำการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ และควรปรึกษากับสถาปนิก วิศวะกรหรือผู้เชี่ยวชาญทุกครั้ง ไม่ควรทำการก่อสร้างหรือดำเนินการเองโดยขาดความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะอาจจะทำให้ประสบปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่น งบบานปลาย หรือเกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่นได้

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ธุรกิจออนไลน์ใหม่ๆ เกิดขึ้นและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ธุรกิจเหล่านี้มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายทำให้เข้าถึงได้และสะดวกสำหรับลูกค้า โมเดลธุรกิจออนไลน์ยอดนิยมที่สามารถเห็นได้ทุกวัน ได้แก่:

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: ตลาดออนไลน์ เช่น Amazon, eBay และ Alibaba ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถขายผลิตภัณฑ์ของตนได้ทั่วโลก ธุรกิจรูปแบบนี้ช่วยให้ผู้ขายเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าจากที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย

Dropshipping: รูปแบบธุรกิจออนไลน์นี้เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าโดยไม่ต้องจัดการสินค้าคงคลังหรือการขนส่ง เจ้าของธุรกิจเป็นหุ้นส่วนกับซัพพลายเออร์ที่จัดการเรื่องการจัดส่งและการจัดการสินค้าคงคลัง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถมุ่งเน้นไปที่การตลาดและการบริการลูกค้า

หลักสูตรออนไลน์และการฝึกสอน: มืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังสร้างหลักสูตรออนไลน์หรือเสนอบริการฝึกสอนเพื่อแบ่งปันความรู้และทักษะของพวกเขา แพลตฟอร์มอย่าง Udemy, Teachable และ Coursera ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจรูปแบบนี้ โดยเป็นตลาดกลางสำหรับเนื้อหาด้านการศึกษา

การตลาดแบบพันธมิตร: รูปแบบธุรกิจออนไลน์นี้เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัทอื่น และรับค่าคอมมิชชั่นสำหรับการขายหรือโอกาสในการขายแต่ละครั้งที่สร้างขึ้น นักการตลาดพันธมิตรสามารถทำงานร่วมกับธุรกิจต่างๆ สร้างรายได้หลายช่องทาง

การสร้างบล็อกและเนื้อหา: บุคคลและธุรกิจจำนวนมากสร้างรายได้ผ่านบล็อก สร้างเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์ หรือผลิตวิดีโอสำหรับแพลตฟอร์มเช่น YouTube รูปแบบธุรกิจนี้อาศัยรายได้จากการโฆษณา เนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน และการตลาดแบบพันธมิตร

บริการตามการสมัครสมาชิก: รูปแบบธุรกิจออนไลน์นี้เกี่ยวข้องกับการนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ตามการสมัครสมาชิก ซึ่งให้รายได้ที่สม่ำเสมอ ตัวอย่าง ได้แก่ บริษัท software-as-a-service (SaaS) บริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Spotify และกล่องสมัครสมาชิก

ผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย: ด้วยการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย บุคคลจำนวนมากได้สร้างผู้ติดตามจำนวนมากและสร้างรายได้จากการแสดงตนผ่านเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน การโฆษณา หรือการรับรองผลิตภัณฑ์

บริการฟรีแลนซ์: มืออาชีพจำนวนมากให้บริการในฐานะฟรีแลนซ์ โดยมอบทักษะต่างๆ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ การออกแบบกราฟิก การเขียนคำโฆษณา และการตลาดดิจิทัล แพลตฟอร์มอย่าง Upwork, Fiverr และ Freelancer เชื่อมโยงฟรีแลนซ์กับลูกค้าทั่วโลก

การให้คำปรึกษาออนไลน์: ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ สามารถให้บริการในฐานะที่ปรึกษา ให้คำแนะนำและคำแนะนำแก่ลูกค้าทางออนไลน์ โมเดลธุรกิจนี้สามารถใช้ได้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การตลาด การเงิน และทรัพยากรบุคคล

การพัฒนาแอพมือถือ: ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟน ผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังพัฒนาแอพมือถือเพื่อให้บริการหรือแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ รูปแบบธุรกิจออนไลน์นี้สามารถสร้างรายได้ผ่านการซื้อในแอป การโฆษณา หรือค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของรูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โอกาสใหม่ๆ จะเกิดขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างและทำให้ธุรกิจออนไลน์ของพวกเขาเติบโต

โดยทั่วไปบุหรี่ไฟฟ้าสามารถแยกชิ้นส่วนออกมาได้ 3 ส่วน ได้แก่
1.แบตเตอรี่ (Battery) เป็นส่วนที่ถือเป็นตัวบุหรี่เลยก็ว่าได้ โดยปกติมีความยาวราว 55 – 80 มิลลิเมตร ส่วนปลายมักจะติดไฟแสดงสถานะการทำงานและแจ้งเตือนระดับแบตเตอรี่ไว้
2. ส่วนของตัวสร้างควันและความร้อน หรือ Atomizer คือ ส่วนตรงกลางระหว่างแบตเตอรี่และส่วนปากที่ใช้สูบ โดยจะมี Microchips circuit ที่ควบคุมการทำงานและขดลวดอิเล็กทรอนเพื่อเปลี่ยนน้ำยา (e-liquid/e-juice) ให้กลายเป็นละอองน้ำและสร้างกลิ่นบุหรี่เสมือนจริงขึ้นมา
3.ส่วนเก็บน้ำยา (Cartridge) หรือส่วนปากที่ใช้ดูด (Mouth piece) จะมีรูปร่างคล้ายปากเป็ดหรือทรงกระบอกที่อีกด้านมีกระเปาะใส่วัสดุซับน้ำยาไว้ ​ซึ่งเมื่อใช้เสร็จแล้วควรหมั่นรักษาความสะอาดของส่วน Atomizer และส่วนปากดูดอยู่เสมอ เพื่อคงประสิทธิภาพการทำงาน และยืดอายุการใช้งานของตัว Atomizer

นอกจากนั้นส่วนปากดูดเป็นส่วนที่ร่างกายเราต้องสัมผัสตลอดจึงควรจะสะอาดอยู่เสมอ การดูแลรักษาในส่วนนี้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการมีเชื้อแบคทีเรียสะสมได้อีกด้วย ซึ่งการทำความสะอาดในแต่ละครั้ง ควรแยกชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกจากกัน ตามคำแนะนำในคู่มือของอุปกรณ์อย่างเคร่งครัด และถ้าหากมีน้ำยาเหลืออยู่ให้เทออกมาก่อน เพื่อที่จะสามารถทำความสะอาดอุปกรณ์ได้อย่างทั่วถึง

ก่อนจะประกอบอุปกรณ์กลับทุกครั้ง ต้องมั่นใจว่าชิ้นส่วนทุกชิ้นแห้งสนิทและไม่มีความชื้นหลงเหลืออยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายอันไม่พึงประสงค์แก่ตัวอุปกรณ์ของท่านเอง ทั้งนี้ในการประกอบและแยกชิ้นส่วนของอุปกรณ์แนะนำให้ประกอบโดยใช้มือ ไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วย เพราะชิ้นส่วนของ
บุหรี่ไฟฟ้า POD มีความละเอียดอ่อน รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์ช่วยอาจทำให้ชิ้นส่วนถูกประกอบเข้าด้วยกันแน่นเกินไป และก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้
เก็บรักษาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกวิธี

ตัวบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนประกอบที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน การเก็บรักษาที่ผิดวิธีอาจส่งผลต่อการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้าได้โดยตรง ดังนั้นควรระมัดระวังในการเก็บรักษาบุหรี่ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมอยู่ตลอด

วิธียืดอายุการใช้งานของตัวบุหรี่ไฟฟ้ามีดังนี้
– ไม่ควรเก็บไว้ในบริเวณที่มีน้ำหรือความชื้น หรือในที่ๆ มีแสงแดดส่องโดยตรงและมีอุณหภูมิสูงมากเกินไป
– ควรวางในลักษณะตั้งตรง เพื่อไม่ให้น้ำยาที่ใส่อยู่ในอุปกรณ์รั่วซึมออกมา
– หากจะพกพาไปข้างนอกหรือพกพาไปในทริปเดินทางไกลๆ ควรเก็บไว้ในกระเป๋าเฉพาะที่สามารถลดแรง​​​กระแทกที่จะเกิดขึ้นกับตัวอุปกรณ์ในระหว่างเดินทางได้

นอกจากนั้นควรดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้ดี เพราะแบตเตอรี่คือส่วนสำคัญที่คอยจ่ายพลังงานให้แก่อุปกรณ์ การดูแลรักษาแบตเตอรี่ จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าสามารถใช้อุปกรณ์ไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน

วิธีดูแลแบตเตอรี่ บุหรี่ไฟฟ้า POD มีดังต่อไปนี้

– พยายามไม่ให้แบตเตอรี่หมดจนเกลี้ยง หมั่นชาร์จให้แบตมีพลังงานขั้นต่ำ 30 % อยู่เสมอ เพื่อให้แบตมี​​​อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
– ​หมั่นใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดคราบสกปรกที่เกาะอยู่กับตัวแบตเตอรี่ ให้​​​ไม่มีคราบตกค้างที่ก่อให้เกิดประจุตกค้างหลังการชาร์จประจุ แนะนำว่าควรทำความสะอาดแบตเตอรี่ก่อน​​​เสียบชาร์จทุกครั้งจะดีที่สุด
– น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและการเติม ไม่เติมน้ำยามากหรือน้อยจนเกินไปเพราะการเติมน้ำยาน้อย อาจส่งผลให้ส่วน Atomizer เสียหายจากการดูดน้ำยาไม่เพียงพอ และการเติมจนล้นก็จะทำให้น้ำยาล้นเข้าไปทำความเสียหายในตัวเครื่องได้

ข้อแนะนำและข้อควรระวังในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า POD

1. ก่อนที่จะเริ่มการใช้งานครั้งแรก หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนหัว บุหรี่ไฟฟ้า POD ควรเติมน้ำยาทิ้งไว้ก่อน 15 นาที เพื่อให้คอยล์ดูดซับน้ำยาได้เต็มที่จะได้สูบแล้วคอยล์ไม่ไหม้ อย่าปล่อยให้ coil แห้ง หรือไหม้ เพราะจะทำให้คอยล์อายุการใช้งานสั้นลง และทำให้ผู้สูบได้รับควันและกลิ่นไหม้ที่มาจากคอยล์ไหม้ได้
2. ดูแลรักษาทำความสะอาด หรือถอดหัว pod บุหรี่ไฟฟ้ามาเช็ดทุกครั้งหลังใช้งาน หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานควรถอดหัวบุหรี่ไฟฟ้า POD เพื่อให้ใช้งานได้นานๆและเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าคอยล์
3. อย่าชาร์จแบตเตอรี่เกินเวลาที่กำหนด เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กและราคาถูกส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีระบบตัดการรับไฟฟ้าเมื่อชาร์จแบตเตอรรี่จนเต็ม ซึ่งเป็นที่มาของสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ และในขณะสูบหากแบตเตอรี่หรือคอยล์ร้อนเกินไปควรหยุดพักให้แบตเตอรี่และคอยล์เย็นตัวลงเพื่อยืดอายุการใช้งาน
4. เปลี่ยนคอยล์เมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยน เนื่องจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแต่ละตัวมีส่วนผสมที่แตกต่างกันจึงยากที่จะทราบถึงเวลาเปลี่ยนคอยล์ที่ชัดเจนได้ แต่สามารถตรวจสอบได้ด้วยความรู้สึก เช่น ควันน้อยกว่าปกติ หรือ น้ำยารั่วซึมบ่อย เป็นต้น
5. พยายามอย่าให้ pod บุหรี่ไฟฟ้ากระแทก หรือ ตกพื้น ตกน้ำ เพราะจะทำให้แผงวงจรและระบบเซนเซอร์ภายในตัวเครื่องเสียหายและรวนได้

โรคสะเก็ดเงิน ที่หนังศีรษะนั้นแตกต่างจากการเป็นรังแคและการเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบตรงที่โรคสะเก็ดเงินนั้นเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่พบได้ไม่บ่อย และเกิดขึ้นกับผู้คนเพียง 3% ในโลกเท่านั้น’ หากคุณมีญาติพี่น้องใกล้ชิดป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ ก็’มีโอกาสที่คุณจะป่วยเป็นโรคนี้เช่นกัน แต่–อันที่จริง ในบรรดาผู้ที่มีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ มีจำนวนเพียง 30% เท่านั้นที่จะเป็นโรคนี้ด้วย

สะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ที่เกิดจากการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นทำให้ ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้น ไม่มีการติดเชื้อและไม่แพร่เชื้อ ไม่ใช่โรคติดต่อ ถึงแม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้โรคสงบได้ ผู้ป่วยควรใช้ชีวิตตามปกติ และเป็นเรื่องที่ผู้ป่วยและคนรอบข้างควรทำความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคและการดูแลรักษา เพื่อป้องกันการกำเริบของโรค และควบคุมโรคอย่างได้ผล

สาเหตุของโรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ

อาการของโรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ
โรคสะเก็ดเงิน ที่หนังศีรษะมีอาการคล้ายการเป็นรังแค คือ มีสะเก็ดรังแค คันหนังศีรษะ และหนังศีรษะแห้ง แต่นอกจากนี้ ยังมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย
– แผ่นปื้นบวมแดง
– สะเก็ดสีขาว-เงิน
– อาการแสบร้อนหรือปวด
– ผมร่วง

อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นแต่เฉพาะที่หนังศีรษะเท่านั้น หากยังปราฏขึ้นในตำแหน่งอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ที่ข้อศอก เข่า และสะดือ รวมทั้งบริเวณอื่นๆ ที่พบได้บ่อย เช่น หนังศีรษะ ฝ่ามือ และใบหน้า

ตัวเลือกการรักษามีให้เลือกหลายแบบ เช่น ครีม ขี้ผึ้ง และเจล ที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อรักษาโรคนี้ เช่น แชมพูและทรีทเมนต์สำหรับหนังศีรษะที่แพทย์สั่งโดยเฉพาะ

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน

การรักษาโรคสะเก็ดเงินเป็นการรักษาให้โรคสงบ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากมีสิ่งมากระตุ้นโรคจะสามารถกำเริบได้อีกโดยในการรักษาแพทย์จะเลือกรักษาตามความรุนแรง แบ่งออกเป็น
– กรณีเป็นน้อย รักษาโดยใช้ยาทาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการอักเสบ ตัวยามักมีข้อจำกัดในการใช้ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำและการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
– กรณีมีผื่นหนาและเป็นมาก รักษาโดยใช้ยากินร่วมกับยาทา หรือรักษาด้วยวิธีอื่น ได้แก่ ฉายแสงอาทิตย์เทียม
– กรณีดื้อต่อการรักษาวิธีใดอาจใช้วิธีอื่นมารักษาแทน เช่น ใช้ยาฉีดชีวภาพ

หลายๆคนอาจจะส่งสัยว่า Remarketing  คืออะไร เราขอยกตัวอย่าง ถ้าคุณทำการขายสินค้า แล้วลูกค้าของคุณเข้ามาสั่งซื้อ แต่ยังไม่ทำการสั่งซื้อให้สำเร็จ เป็นเรื่องน่าเสียดาย คุณอาจจะเสียโอกาสในการขายให้กับคู่แข่งไป เราจึงอยากแนะนำให้คุณลองใช้เครื่องมือในการสร้างยอดขาย Remarketing เป็นประโยชน์อย่างมาก การทำงานของ Remarketing จะตามหลอกหลอนผู้ที่เคยเข้ามาที่เว็บไซต์ แล้วตามไปแสดงโฆษณาแบนเนอร์ตามเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของกูเกิ้ล ทำให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำ หรือช่วยย้ำลูกค้าที่ยังไม่ทำการสั่งซื้อ ให้กลับมาซื้อสินค้าอื่นๆของคุณเพิ่ม

การทำ Remarketing เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่เป็น e-commerce เพราะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์หรือสินค้าได้ ทำให้คุณไม่พลาดโอกาสที่จะสร้างยอดขาย อาจจะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจมาซื้อสินค้าของเราจากที่ลังเล หรือเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นอยู่ การทำ Remarketing มีขั้นตอนที่ง่ายมาก แค่คุณมีบัญชี google ads สามารถนำโค้ดไปติดตั้งที่เว็บไซต์ และยังเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยการเลือกรายละเอียดให้แคบลง เช่น เพศ อายุ ความสนใจต่างๆ หลังจากนั้นเมื่อมีลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์ แล้วยังไม่ได้ตัดสินใจ ทางกูเกิ้ลจะนำแบนเนอร์ของคุณไปแสดง เพื่อย้ำเตือนให้ลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้า จนนำไปสู่การเกิด conversion ธุรกิจที่ทำการ Remarketing แน่นอนว่าได้เปรียบคู่แข่ง เป็นวิธีที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นการกระตุ้นนอกจากจะให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้า ยังช่วยทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้

Remarketing คือส่วนหนึ่งในการลงโฆษณาออนไลน์ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม ทางธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องนำมาใช้ เพื่อช่วยสร้างยอดขายให้ดีขึ้น ยิ่งธุรกิจที่ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ให้ลูกค้าของคุณจดจำแบรนด์ได้ ไม่เสียโอกาสให้กับคู่แข่ง เพราะลูกค้าเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้วอาจะจไม่เกิดการทำ conversion ทันที แต่ทำการเปรียบเทียบสินค้าของคุณกับคู่แข่งก่อน ถ้าคุณไม่ทำ Remarketing แน่นอนว่าอาจจะพลาดโอกาสในการปิดการขายได้

Remarketing จำเป็นต้องทำการติดโค้ดไปที่หน้าเว็บไซต์ โดยจะทำงานร่วมกับคุ้กกี้ให้การจดจำค่าต่างๆ ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาในการติดตั้งโค้ดเอง อยากให้มืออาชีพช่วยทำการติดตั้งให้ เราขอแนะนำให้เลือกใช้บริการเอเจนซี่ รับลงโฆษณา google ราคาถูก ช่วยในการติดตั้งโค้ด หรือประสานงานกับทีมทำเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้เอเจนซี่ยังมีประสบการณ์ในการลงโฆษณา เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมงานกูเกิ้ลโดยตรง โฆษณาของคุณย่อมมีประสิทธิที่ดีแน่นอน ไม่เพียงแต่การทำ Remarketing เท่านั้น ทางเอเจนซี่เองจะแนะนำการลงโฆษณาออนไลน์ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ช่วยสร้างยอดขายได้ดีกว่าเดิมแน่นอน

เมื่อพูดถึงธุรกิจ ความสำเร็จขององค์กรมักขึ้นอยู่กับแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน ในระหว่างกระบวนการควบรวมและซื้อกิจการ การรักษาขวัญกำลังใจและความผูกพันของพนักงานอาจเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานในระหว่างขั้นตอนนี้ ธุรกิจต่างๆ ไม่เพียงแต่สามารถรักษาพนักงานที่มีคุณค่าของตนไว้ได้เท่านั้น แต่ยังปรับปรุงผลลัพธ์โดยรวมของการควบรวมกิจการหรือซื้อกิจการอีกด้วย

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจของพนักงานระหว่างการควบรวมหรือซื้อกิจการคือการสื่อสารที่ชัดเจน ฝ่ายบริหารจำเป็นต้องแจ้งให้พนักงานทราบเกี่ยวกับกระบวนการและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบทบาทของพวกเขาภายในบริษัท ซึ่งรวมถึงการให้ข้อมูลอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ มีความโปร่งใสเกี่ยวกับเหตุผลในการควบรวมกิจการหรือการเข้าซื้อกิจการ และจัดการกับข้อกังวลหรือคำถามที่พนักงานอาจมี

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจของพนักงานระหว่างการควบรวมหรือซื้อกิจการคือการให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการมากที่สุด ซึ่งอาจรวมถึงการให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การมีส่วนร่วมในกระบวนการบูรณาการ และการให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็นและข้อคิดเห็น การให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกทุ่มเทกับผลลัพธ์มากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีแรงจูงใจและมีส่วนร่วมมากขึ้น

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องยกย่องและให้รางวัลแก่พนักงานสำหรับผลงานของพวกเขา ซึ่งอาจรวมถึงโปรแกรมการยกย่องอย่างเป็นทางการหรือโบนัส แต่อาจรวมถึงวิธีการที่ไม่เป็นทางการ เช่น การยกย่องชมเชยในที่สาธารณะหรือบันทึกขอบคุณ การยกย่องและให้รางวัลพนักงานสำหรับการทำงานหนักและความทุ่มเทสามารถช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจและเพิ่มแรงจูงใจ

โดยสรุป การสร้างแรงจูงใจของพนักงานระหว่างการควบรวมกิจการหรือการซื้อกิจการมีความสำคัญต่อการรักษาความผูกพันของพนักงานและปรับปรุงผลของการควบรวมกิจการหรือการซื้อกิจการในท้ายที่สุด การปฏิบัติตามคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการสร้างแรงจูงใจของพนักงาน ธุรกิจสามารถปรับปรุงการสื่อสาร ให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการ และรับรู้และให้รางวัลแก่ผลงานของพวกเขา สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การควบรวมหรือซื้อกิจการที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น และพนักงานที่มีแรงจูงใจและมีส่วนร่วมมากขึ้นในท้ายที่สุด

“น่าน” จังหวัดท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ และหนึ่งในจุดหมายที่ใครหลายๆคนฝันถึงนั่นก็คือ “บ่อเกลือ” แหล่งเกลือสินเธาว์ บนขุนเขา แห่งเดียวในโลก บ่อเกลือที่มีอายุมายาวนานหลายล้านปี และเป็นแหล่งผลิตเกลือให้คนไทยมายาวนานเกือบ 1,000 ปี

ที่พักน่าน สะปัน อีกหนึ่งมนตร์เสน่ห์ ณ หมู่บ้านสะปัน บริเวณนี้จะมองเห็นมุมของหมู่บ้าน โฮมสเตย์ทั้งหลาย ที่เรียงรายอยู่รอบ ๆ หุบเขา พร้อมกับสายน้ำลำธารที่ไหลยาวตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่ ช่วงหน้าฝนน้ำก็จะแดง ๆ หน่อย เพราะเป็นแหล่งธรรมชาติอย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่าบริเวณในหมู่บ้านนั้น จะมีสายน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านมาบรรจบกันสองสาย นั่นก็คือ “ลำน้ำว้า” และ “ลำน้ำสะปัน” จึงเรียกกันว่า “สบปัน” และเป็นที่มาของชื่อ “สะปัน”

แน่นอนว่าหมู่บ้านสะปัน เป็นหมู่บ้านในฝันของใครหลายคน เพราะเป็นหมู่บ้านแห่งความเงียบสงบ เห็นวิวภูเขาที่สวยงาม และใกล้ชิดมาก ๆ โดยฉากหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่ สลับซับซ้อน วิวธรรมชาติอยู่ตรงหน้า เรียกได้ว่า เห็นภูเขาชัด ๆ และใกล้มาก ๆ เรียกได้ว่า มองไปข้างหน้า เหมือนภาพ 3 มิติ เหมือนเดินไปอีกนิดเดียว ก็ถึงตีนภูเขายังไงอย่างนั้นเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่า มาพักที่ดอยอิงดาวที่เดียวนั้น ทำให้เห็นวิวทั้งภูเขา ลำธาร และทุ่งนา มาที่เดียว จบครบในหนึ่งเดียว

ที่พักน่าน สะปัน บรรยากาศดี เงียบสงบ บริเวณโดยรอบโอบล้อมด้วยภูเขา เหมาะแก่การมาพักผ่อน ที่พักน่าน ขายวิวหลักล้านได้จริงๆ ได้เห็นทั้งวิวภูเขาน้อยใหญ่ ได้เห็นแม่น้ำใส ๆ ไหลผ่าน มองทะเลหมอกจากเตียงนอนได้เลย หลายคนคิดว่าฤดูที่เหมาะแก่การมาเที่ยวสะปันนั้นคือหน้าหนาว แต่สะปัน มาเที่ยวหน้าไหนก็อากาศดี แนะนำว่าให้มาช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะจะได้เห็นทั้งต้นไม้เขียวขจี บวกกับอากาศสดชื่นในเวลาเดียวกัน

ฉีดฟิลเลอร์ ชลบุรี สารเติมเต็มที่ใช้ในการแก้ปัญหาร่องลึกต่างๆบนใบหน้า ฉีดฟิลเลอร์ ชลบุรี ที่มีความปลอดภัยจะต้องมีส่วนผสมของHiyaluronic Acid (HA) โดยมีคุณสมบัติอุ้มน้ำหล่อเลี้ยงผิวจึงเป็นที่นิยมมาก ในการฉีดเพื่อแก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องข้างมุมปาก ร่องลึกใต้ตา ขมับตอบ แก้มตอบ และยังสามารถเพิ่ม Volume ในจุดที่ต้องการ เช่น การเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม แก้มอั้ม ฉีดคาง V Shape เพื่อเพิ่มมิติบนใบหน้าปัจจุบันเทคนิคการฉีด Filler เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยใช้เทคนิคการฉีดยกกระชับเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกได้โดยคนไข้จะได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ ผิวหน้ากระชับและร่องลึกดูตื้นขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ ชลบุรี คุณสมบัติของฟิลเลอร์ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกอย่าง ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการปรับแก้ไขรูปหน้าให้สวยงาม เช่น ปรับคางให้ดูยาวขึ้น แก้ปัญหาคางตัด คางถอย และช่วยปรับรูปปากกระจับ ปากสายฝอ ปากสายเกา และทรงอื่น ๆ ตามต้องการได้อีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ ชลบุรี สารเติมเต็มผิว ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งด้วย 5 คุณสมบัติเด่น จีงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกเสริมความงามเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน
– เติมเต็มร่องลึก หรือเสริมในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง
– ลดริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
– ปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
– กักเก็บความชุ่มชื้น ฟิลเลอร์หน้าใส เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
– ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์

ฉีดฟิลเลอร์ ชลบุรี เหมาะกับการฉีดบนใบหน้า ฉีดฟิลเลอร์ทั้งหน้าบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ และหน้าผาก ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล? หลังฉีดเห็นผลทันที ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเติมและปรับแต่งได้เรื่อย ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย

การฉีดฟิลเลอร์ยังเป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น เช่น โบท็อก, ร้อยไหม หรือใช้เครื่องมือ เช่น Hifu, Ulthera และ Thermage เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์หมอจะประเมินปัญหาผิวของแต่ละคน และเลือกวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับความต้องการ

ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยได้มากกว่าลดริ้วรอย ฉีดโบท็อก ชลบุรี เป็นชื่อทางการค้าเนื่องจากเจ้าแรกที่ผลิตใช้ชื่อสินค้าว่า Botox แต่จริงๆแล้วคือตัวยาที่ชื่อว่า Botulinum Toxin type A ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ยกเว้นกรามจะเห็นผลได้ชัดสุดในเวลา 1-2 เดือน

หลาย ๆ คนที่เคยผ่าน หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับ “ฉีดโบท็อก ชลบุรี” อาจจะพอรู้ถึงการทำงานของโบท็อกซ์มาบ้าง ซึ่งกังนัมคลินิกขอบอกเลยว่า การฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นจะเป็นการฉีดเพื่อปรับทรงรูปหน้า โดยใช้โบท็อกซ์ประเภทเดียวกับที่ใช้ฉีดใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย สำหรับโบท็อกซ์ฉีดลดกรามนั้น ตัวยาที่อยู่ในโบท็อกซ์ที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A ที่สกัดมาจากแบคทีเรียจะออกฤทธิ์ไม่ให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามขยับได้ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ด้วยเหตุนี้ การฉีดโบท็อกซ์ จึงช่วยให้คนที่มีลักษณะใบหน้ากรามเด่นชัดดูสมส่วนขึ้น เพราะรูปหน้าเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ การทำโบท็อกซ์ ยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย และรอยย่นในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย

ประโยชน์และการนำมาใช้ ในทางการแพทย์แล้วสาร Botulinum Toxin มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคหรือผู้ที่มีความผิดปกติของร่างกายได้หลายอย่าง เช่น ใช้ฉีดเพื่อรักษาผู้ที่มีอาการตาเหล่ ตาเข หรือตากระตุก อาการโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รวมถึงอาการปวดศีรษะจากโรคไมเกรนเรื้อรังก็สามารถใช้โบท็อกซ์รักษาได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำสาร Botulinum Toxin มาใช้กับผู้ที่มีอาการของโรคลิ้นหัวใจพิการอีกด้วย

หากพูดถึงหัตถการที่กำลังได้รับความนิยมมากในหมู่สาวๆ หนึ่งในนั้นจะต้องมี “การฉีดโบท็อก ชลบุรี” ติดโผอยู่ด้วยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่ได้รับความสนใจจากสาวๆ ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว

การฉีดโบท็อก ชลบุรีช่วยลดเลือนริ้วรอยได้จริงหรือไม่

การฉีดโบท็อก ช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ ด้วยเหตุนี้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจึงอ่อนแรงลงและเกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อชั่วคราว ซึ่งทำให้ผิวกระชับขึ้นและริ้วรอยดูจางลง โดยจะค่อยๆ เห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

ควรเริ่มฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การฉีดโบท็อก ชลบุรีสามารเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป โดยวัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะฉีดเพื่อลดกรามและปรับรูปรูปหน้า แต่สำหรับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยจะนิยมเริ่มฉีดในกลุ่มคนวัย 30 ปีขึ้นไป

สามารถฉีดโบท็อก ชลบุรีบริเวณใดได้บ้าง นอกจากยี่ห้อและความชำนาญของแพทย์จะทำให้ ฉีดโบท็อก ชลบุรี ราคาแตกต่างกันแล้ว บริเวณที่ฉีดเองก็มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายและราคาค่าบริการแตกต่างกันอีกด้วย โดยโบท็อกซ์นั้นสามารถใช้ฉีดยังบริเวณต่าง ๆ ได้ดังนี้

– การฉีดโบท็อก ชลบุรีนั้นสามารถทำได้กับทุกบริเวณที่มีริ้วรอยและร่องลึก โดยส่วนใหญ่แล้ว มักนิยมฉีดในบริเวณที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น หน้าผาก ตีนกา และริ้วรอยหางตาที่เกิดจากการยิ้ม เป็นต้น นอกจากนี้ ฉีดโบท็อก ชลบุรี ยังสามารถนำไปฉีดที่บริเวณคิ้วเพื่อช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโตและอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น
– สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ในส่วนของร่องแก้ม ริ้วรอยริมฝีปาก คอ หรือคางนั้น แพทย์อาจสามารถใช้โบท็อกซ์ร่วมกับคอลลาเจน หรือ การทำทรีทเมนต์ด้วยเลเซอร์เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้
– นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว โบท็อกซ์ยังนิยมนำไปฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว โดยจะนิยมฉีดบริเวณแนวขากรรไกรและแก้ม

ข้อปฏิบัติตัวที่ควรรู้ก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์

สำหรับใครที่กำลังจะฉีดโบท็อกซ์ควรศึกษาข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลังฉีดให้ดีก่อน เพื่อที่จะให้ผลลัพธ์ของการฉีดออกมาดีและคุ้มค่าที่สุด
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไร
– เลือกใช้ฉีดโบท็อกซ์แท้เท่านั้น
– ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป
– ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์
– ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์เกิน 300 ยูนิต ต่อครั้ง
– ระหว่างการฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบๆ

หลังฉีดโบท็อกซ์ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

– หลังฉีดโบท็อก ชลบุรีควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
– งดนอนราบ 3 ชม.
– หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
– งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
– หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังทำ

รีโนเวทบ้านหรือสร้างใหม่ อะไรคุ้มกว่ากันเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องขยายตัวบ้านเพื่อรองรับสมาชิกใหม่ หรือปรับปรุงเพื่อนำมาใช้งานด้านต่างๆ ก็มีเหตุให้ต้องพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้ตัดสินใจได้ยากว่าระหว่าง รีโนเวทบ้าน หรือรื้อสร้างใหม่ อะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน

มาแจกแจงความคุ้มค่า ดูกันให้ชัดเลยว่าก่อนตัดสินใจเลือกรีโนเวทบ้านหรือรื้อสร้างใหม่ จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยอะไรบ้าง

1. วัตถุประสงค์ที่ต้องการนำมาใช้งาน
ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเริ่มลงมือ ต้องทราบวัตถุประสงค์ที่จะปรับปรุงบ้านเพื่อนำมาใช้งานก่อน เช่น ขยายพื้นที่เพื่อรองรับคนในครอบครัวที่มากขึ้น เปลี่ยนให้มีห้องมากขึ้นเพื่อปล่อยเช่า ดัดแปลงด้านล่างเพื่อเปิดร้านอาหาร ฯลฯ จากนั้นจึงค่อยวางแผนว่า ระหว่างรื้อสร้างใหม่กับรีโนเวทบ้านแบบไหนจะตอบโจทย์กับความต้องการมากกว่ากัน

2. ตรวจสอบโครงสร้างของบ้านในปัจจุบัน
อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ สามารถตัดสินใจได้วาจะเลือกสร้างใหม่หรือรีโนเวทบ้าน ก็คือ การตรวจสอบโครงสร้างของบ้านในปัจจุบัน หากบริเวณโดยรอบบ้านมีรอยแยกแตกร้าว เริ่มผุพัง หรือคิดว่าตัวบ้านของคุณมีอายุมากเกินที่จะรีโนเวทแล้ว จะแนะนำให้ เลือกที่จะสร้างใหม่เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย เพื่อความแน่ใจว่าบ้าน มีโครงสร้างแข็งแรงดีอยู่หรือไม่ แนะนำให้ติดต่อวิศวกรที่ชำนาญการมาเป็นผู้ประเมินโครงสร้างให้จะได้ผลลัพท์ที่ถูกต้องที่สุด

3. สำรวจที่ดินและพื้นที่ว่าง
หากสำรวจดูแล้วบริเวณโดยรอบบ้าน ยังมีที่ดินและพื้นที่ว่างเหลือพอสำหรับการรีโนเวทบ้านเพิ่มเติม ก็สามารถตัดสินใจลงมือได้ไม่ยาก แต่ถ้าหาก ไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว การทุบตัวอาคารออกบางส่วนเพื่อต่อเติมเพิ่ม ก็อาจคุ้มค่ากว่าการรื้อสร้างใหม่ แต่ถ้าการต่อเติมของคุณเป็นรูปแบบแนวตั้งเพื่อเพิ่มจำนวนชั้น และโครงสร้างอาคารของคุณไม่สามารถรับน้ำหนักเพิ่มได้แล้ว การทุบแล้วสร้างใหม่นับว่าเป็นตัวเลือกที่สร้างความปลอดภัยให้คุณได้มากกว่าการรีโนเวทบ้าน แต่ก็อาจแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม

4. คำนวณงบประมาณที่มี
หัวใจสำคัญของการแปลงโฉมบ้านข ก็คือ งบประมาณ ซึ่ง ควรคำนวณงบประมาณที่มีให้พร้อมก่อน แล้วจึงตรวจสอบดูว่าเงินก้อนที่ มีนั้นเพียงพอต่อความต้องการในด้านไหนมากกว่ากัน

5. ปรึกษาผู้เชี่ยวาญ
เมื่อแผนการปรับปรุงบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ขั้นตอนสุดท้ายก่อนเริ่มดำเนินการนั่นก็คือ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ สถาปนิก และวิศวกร ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของบ้านได้มากขึ้น และรู้รายละเอียดในเรื่องของค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน

โดย สถาปนิก จะเป็นผู้รับฟังรูปแบบของบ้านที่คุณเตรียมไว้ รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ของบ้านที่ต้องการ และจะทำการร่างแบบออกมาเพื่อให้เห็นภาพ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการตกแต่งภายใน รวมถึงปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งหมดภายในบ้าน ต่อมาจะเป็นหน้าที่ของ วิศวกร ที่จะประเมินโครงสร้างที่สถาปนิกออกแบบว่าเป็นไปได้แค่ไหน จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณเท่าไหร่ ซึ่งในจุดนี้จะเป็นตัวช่วยตัดสินใจได้เป็นอย่างดีว่าจะเลือกรีโนเวทบ้าน หรือสร้างใหม่ไปเลย เมื่อทำการปรึกษาเรียบร้อย น่าจะได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้วว่าจะเลือกรีโนเวทบ้านหรือสร้างใหม่กันแน่ แล้วจึงนำแบบบ้านที่มีไปปรึกษาต่อกับผู้รับเหมา ซึ่งจะเป็นผู้ที่ดำเนินการก่อสร้างตามแบบที่สถาปนิกออกแบบ โดยมีวิศวกรเป็นผู้ดูแลงานและควบคุมโครงสร้าง เท่านี้บ้านในฝัน ก็กำลังจะเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

อัลเทอร่า นวัตกรรมอัพเดตหนึ่งเดียวที่ช่วยยกกระชับและปรับรูปหน้าเรียวด้วยเทคนิคเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่มีแผล โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Advance-Focused Ultrasound ที่สามารถปล่อยพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ชั้นบนสุดของกล้ามเนื้อและเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า ผสานระบบปฏิบัติการที่อัพเดต SPT (See-Plan-Treat) ทำให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาได้จำเพาะต่อปัญหาผิวของแต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น จึงเห็นผลลัพธ์ได้ในทันทีและยาวนานถึง 1-2 ปี โดยไม่ต้องพักฟื้นผิว และยังได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจาก US FDA

ทำอัลเทอร่าเจ็บไหม กับหลายความคิดเห็นจากคนที่เคยยกกระชับปรับรูปหน้าด้วย Ulthera คำตอบคือส่วนใหญ่ซึ่งอาจประมาณได้ว่ามีสัดส่วน 75% มักจะบอกว่าเจ็บจี๊ดๆ ด้านในผิว ด้านบนผิวรู้สึกอุ่นๆ แต่เป็นความรู้สึกเจ็บที่ทนได้ ต่อมาที่ประมาณ 20% สุดสตรองมักจะรีวิวว่าชิลมาก สบายมาก ไม่เจ็บเลย แค่อุ่นๆ จี๊ดๆ เวลาพลังงานลงใต้ผิวเท่านั้น ส่วนอีกแค่ประมาณ 5% ที่รู้สึกว่าการทำอัลเทอร่านั้นเจ็บมาก

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้โปรแกรม อัลเทอร่า มีความสำคัญ เพราะการตรวจดูความตื้น ความลึกของชั้นผิวต่างๆ ทำให้คาดคะเนได้ว่าผิวของแต่ละคนมีความอดทนต่อระดับพลังงานที่จะส่งลงลึกสู่ใต้ผิวได้มากแค่ไหน นำมาสู่การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลที่ไม่เหมือนใครและช่วยให้คุณรู้สึกเจ็บน้อยลง รู้สึกสบายขึ้นขณะทำอัลเทอร่า แต่ในขณะเดียวกันแพทย์สามารถส่งพลังงานได้อย่างเจาะจง ตรงจุดในแต่ละชั้นผิวเพื่อผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

อัลเทอร่า เครื่องมือยกกระชับใบหน้าและลำคอ ที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวกับมายกกระชับ ปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้า ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ใบหน้าจึงดูเด็กลงได้อีกครั้ง หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า เครื่องดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

ไตวายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลเสียต่อไตโดยตรงหรือส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ จนทำให้ไตเกิดการทำงานที่ผิดปกติตามไป โดยสาเหตุของไตวายทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังที่พบได้บ่อยมีดังนี้

การสูญเสียเลือดหรือน้ำในร่างกายมากเกินไป ส่งผลให้ไตเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงานลงอย่างเฉียบพลัน ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดที่ไหลเวียนเลือดไปที่ไตผิดปกติ หากมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้ไตเสื่อมได้ในที่สุด

โรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดส่งผลโดยตรงกับไตทำให้ไตเสื่อม ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานส่วนมากจึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นไตวายเรื้อรัง อาการแพ้อย่างรุนแรง จนทำให้ระบบการทำงานในร่างกายล้มเหลว ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายล้มเหลว อาทิ หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว ตับล้มเหลว ที่กระทบต่อระบบไหลเวียนเลือดทั่วร่างกายจนทำให้ไตได้รับเลือดไปไหลเวียนไม่เพียงพอ สรรพคุณผลิตภัณฑ์หมอเส็ง
การติดเชื้อ การติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด เมื่อแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด เชื้อโรคเหล่านี้จะถูกพาไปยังไต และทำให้ไตถูกทำลาย
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา อาทิ ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือ ยานาพรอกเซน (Naproxen) หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป หรือซื้อใช้เองโดยไม่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร อาจนำมาสู่ภาวะไตเสื่อม
ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย นิ่วในไต หรือโรคมะเร็งที่ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อไปขัดขวางระบบทางเดินปัสสาวะจนทำให้ไตขับปัสสาวะออกมาไม่ได้ และเกิดภาวะเสื่อมของไตในที่สุด
ได้รับสารพิษ เมื่อสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะพยายามขับออกมาทางปัสสาวะ ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น สารพิษบางชนิดอาจทำลายไตจนทำให้ไตวายได้
นอกจากนี้โรคไตวายอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคต่าง ๆ เช่นโรคไข้เลือดออก หรือเกิดจากอุบัติเหตุโดยตรงที่บริเวณไต ไม่เพียงเท่านั้น ความเสื่อมของไตตามอายุก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้เช่นกัน

สาเหตุของโรคไตวาย
1. ไตวายเฉียบพลัน
– การขาดเลือดของไต เช่น จากภาวะเลือดออกรุนแรงของอวัยวะต่างๆ เช่น จากอุบัติเหตุ จากภาวะขาดน้ำรุนแรง เช่นท้องเสียรุนแรง หรือจากภาวะหัวใจล้มเหลว จากความดันโลหิตต่ำ การติดเชื้อ การแพ้ยารุนแรง
– โรคของเซลล์ไตโดยตรง เช่น จากการอักเสบรุนแรงของเซลล์ไตในโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง การได้รับสารพิษบางชนิด การกินยาเกินขนาด
– การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เช่น จากโรค นิ่วในไต นิ่วในท่อไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
2. ไตวายเรื้อรัง จาก โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง

การรักษาโรคไตวายด้วยหมอเส็ง ยาสมุนไพร
1. การฟอกไต
– การฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดสร้างเส้นเลือดเชื่อมต่อระหว่างเครื่องกับหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงเพื่อให้เลือดหมุนเวียนเข้าไปในเครื่องและถูกฟอกให้สะอาดก่อนที่จะถูกหมุนเวียนกลับเข้า

คุณหมอเส็งแนะนำ ยาสมุนไพรหมอเส็ง ยาบำรุงร่างกาย (กล่องเหลือง)
ทาน ก่อนอาหารเช้า และทานก่อนนอน วันละ 2 มื้อ

การประกันภัยอุบัติเหตุ เป็นการประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัย ประสบอุบัติเหตุได้รับความบาดเจ็บทางร่างกาย และหากผลของการบาดเจ็บนั้นส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือรุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต บริษัทประกันภัยจะเข้ามารับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจาก การรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย หรือจ่ายค่าทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหากผู้เอาประกันภัยต้องสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต

กรมธรรม์มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

การประกันภัยอุบัติเหตุแบ่งออกเป็น 3 กรมธรรม์ ได้แก่ กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม และกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา

กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลนั้นใช้สำหรับการประกันภัยเฉพาะบุคคลคนเดียวเท่านั้น ส่วนกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มใช้สำหรับกลุ่มบุคคล ที่มีการรวมตัวกันไว้ก่อนแล้ว เช่น กลุ่มพนักงาน กลุ่มข้าราชการของกรมการประกันภัย เป็นต้น มิใช่กลุ่มที่รวมตัวกันขึ้นเพื่อทำการประกันภัยเท่านั้น และกรมธรรม์ประกันภัยแบบนักเรียน นิสิต นักศึกษานั้นจะเป็นการทำประกันภัยกลุ่มโดยที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้จัดทำให้แก่นักเรียน นักศึกษาในสังกัด

การประกันอุบัติเหตุมีแบบความคุ้มครองให้เลือกอย่างไร

ในกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล และอุบัติเหตุกลุ่มนั้น จะมีแบบให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ อบ. 1 และ แบบ อบ. 2 ซึ่งแบบ อบ. 1 จะให้ความคุ้มครองน้อยกว่าแบบ อบ. 2 กล่าวคือ

แบบ อบ. 1 จะมีความคุ้มครองให้เลือกซื้อ 4 ความคุ้มครอง ได้แก่

การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ/สายตา การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
การทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิง
การทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วน และ
การรักษาพยาบาล

ส่วนแบบ อบ. 2 จะให้ความคุ้มครองเพิ่มจาก อบ. 1 คือ การสูญเสียนิ้ว การสูญเสียการรับฟังเสียง/การพูดออกเสียง และการทุพพลภาพถาวรบางส่วน

สำหรับในกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษานั้น จะมีเฉพาะแบบ อบ. 1 เท่านั้น

การประกันอุบัติเหตุ โดยปกติแล้วจะให้ความคุ้มครองรวมถึงการถูกฆ่า หรือ ถูกทำร้ายร่างกายด้วย ไม่ว่าการถูกฆ่าหรือถูกทำร้ายร่างกายจะเป็นโดยเจตนา หรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตามหากผู้เอาประกันภัยเห็นว่า ตนไม่มีความเสี่ยงภัยในการถูกฆ่า หรือถูกทำร้ายร่างกาย ก็สามารถที่จะไม่เอาประกันภัยในส่วนนี้ได้ โดยผู้เอา
ประกันภัยก็จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยไป

ข้อยกเว้นการจ่ายผลประโยชน์

การประกันภัยอุบัติเหตุ จะมุ่งให้ความคุ้มครองที่เป็นความเสี่ยงภัยพื้นฐานของคนโดยทั่วไปเท่านั้น
ดังนั้นจึงมีการกำหนดข้อยกเว้นในกรมธรรม์ที่จะไม่คุ้มครองในเหตุการณ์บางอย่าง อาทิเช่น

การกระทำของผู้เอาประกันภัยขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุราหรือยาเสพติด
การฆ่าตัวตาย พยายามฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายร่างกายตนเอง
การแท้งลูก
สงคราม การปฏิบัติ การกบฎ
การจลาจล การนัดหยุดงาน การที่ประชาชนก่อความวุ่นวายลุกฮือต่อต้านรัฐบาล
การแผ่รังสีหรือกัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ อาวุธนิวเคลียร์
การเล่นหรือแข่งกีฬาอันตราย เช่น การดำน้ำ การเล่นบันจี้จั๊มพ์ เล่นสกี การแข่งรถ แข่งเรือ แข่งสเก็ต เป็นต้น
ขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
ขณะที่โดยสารอยู่ในเครื่องบินที่มิใช่สายการบินพาณิชย์ เช่น เฮลิคอปเตอร์
ขณะที่เข้าร่วมการทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม หรือหลบหนีการจับกุม
ขณะที่เข้าปราบปรามหรือปฏิบัติการทางสงครามหากผู้เอาประกันภัยเป็นทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัคร

ข้อยกเว้นการจ่ายผลประโยชน์เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่

หากผู้เอาประกันภัยต้องการให้ได้รับความคุ้มครองในเหตุการณ์ที่ระบุไว้ในข้อยกเว้นก็สามารถที่จะจ่ายเบี้ยประกันภัย เพิ่มเติมเพื่อขอขยายความคุ้มครองได้ แต่ทั้งนี้การขอขยายความคุ้มครองนั้นสามารถทำได้เพียง 5 กรณีเท่านั้น ได้แก่

การขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
การจลาจล การนัดหยุดงาน
การสงคราม
การโดยสารอากาศยานที่มิได้ประกอบการโดยสายการบินพาณิชย์
การเล่นหรือแข่งกีฬาอันตราย

ค่าเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง

เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุจะขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้

กลุ่มคน

การทำประกันภัยแบบกลุ่มจะถูกกว่าการทำประกันภัยรายบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากกลุ่มคนมีจำนวนมากเบี้ยประกันภัยก็จะยิ่งต่ำลง เช่น จำนวนคน 20 – 49 คน จะได้ลดเบี้ยประกันภัย 10 % จำนวนคน
200 – 999 คน ได้ลดเบี้ยประกันภัย 25 % เป็นต้น

สำหรับการประกันภัยกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษานั้นเบี้ยประกันภัยจะต่ำกว่ากลุ่มบุคคลทั่วไปแต่ทั้งนี้เบี้ยประกันภัย จะแตกต่างกันตามระดับการศึกษาด้วย โดยการศึกษาระดับอนุบาลและประถม เบี้ยประกันภัยจะต่ำสุด สูงขึ้นมาคือระดับมัธยม ต่อมาคือระดับอุดมศึกษา และสายอาชีพจะมีเบี้ยประกันภัยสูงสุดสำหรับในการประกันภัยกลุ่มนักเรียน
อาชีพ

การแบ่งชั้นอาชีพในการรับประกันภัยจะแบ่งเป็น 4 ชั้น ได้แก่

อาชีพชั้น 1 ส่วนใหญ่ทำงานประจำในสำนักงาน
อาชีพชั้น 2 ปฏิบัติงานที่ใช้วิชาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งตลอดเวลา
อาชีพชั้น 3 ปฏิบัติงานด้านช่าง กระบวนการผลิต ที่มีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ผู้ใช้แรงงาน การเดินทาง หรือทำงานนอกสำนักงานเป็นประจำ
อาชีพชั้น 4 อาชีพพิเศษที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่าชั้นอื่น ๆ เป็นพิเศษ เช่น นักแสดงผาดโผน

ในการแบ่งชั้นอาชีพดังที่กล่าวมาแล้ว อาชีพชั้น 1 จะเป็นชั้นอาชีพที่มีความเสี่ยงภัยต่ำที่สุด เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำกว่าอาชีพชั้นอื่น ๆ ในขณะที่อาชีพชั้น 4 เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงภัยสูงที่สุด เบี้ยประกันภัยก็จะสูงกว่าอาชีพอื่น ๆ ดังนั้น อาชีพที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ เช่น คนทำงานในสำนักงาน เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำกว่าอาชีพที่มีความเสี่ยงภัยสูง เช่น วิศวกร คนขับรถ คนส่งเอกสาร
อายุ

คนที่อายุเกินกว่า 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะสูงกว่าคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปี
ความคุ้มครองที่เลือกซื้อ

ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเฉพาะบางอย่างก็ได้ เช่น ต้องการเพียงการเสียชีวิตสูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพ โดยไม่เอาความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเบี้ยประกันภัยก็จะแปรตามความคุ้มครองที่ต้องการ
ความคุ้มครองเพิ่มเติม

หากผู้เอาประกันภัยต้องการขยายความคุ้มครองไปถึงภัยที่มีการยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยได้แก่ การขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ การเล่นหรือแข่งกีฬาอันตราย การโดยสารเฮลิคอปเตอร์ การจลาจล/นัดหยุดงาน สงคราม ด้วยแล้วเบี้ยประกันภัยก็จะเพิ่มสูงขึ้น
จำนวนเงินเอาประกันภัยที่กำหนด

เบี้ยประกันภัยจะผันแปรตามจำนวนเงินเอาประกันภัยด้วย ดังนั้น ในกรณีการซื้อผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล ต้องกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้เหมาะสม หากซื้อไว้มากเกินความจำเป็นก็จะเป็นการจ่ายเบี้ยประกันภัยโดยไม่จำเป็น
การกำหนดจำนวนความรับผิดส่วนแรก

หากผู้เอาประกันภัยยินยอมรับความเสียหายส่วนแรกเองบางส่วนในกรณีของค่ารักษาพยาบาลเบี้ย ประกันภัยก็จะต่ำลง หากผู้เอาประกันภัยยินยอมให้บริษัทงดจ่ายผลประโยชน์ กรณีการทุพพลภาพชั่วคราวในช่วงสัปดาห์แรก ๆ เบี้ยประกันภัยก็จะต่ำลง

กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของแต่ละบริษัทเป็นมาตรฐานเดียวกัน หรือไม่มีหลักการในการพิจารณาเลือกซื้ออย่างไร

กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกบริษัท แต่ทั้งนี้ อัตราเบี้ยประกันภัยที่บริษัทใช้มีความแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการซื้อประกันภัย ต้องพิจารณาในด้านต่าง ๆ ดังนี้

พิจารณาแบบความคุ้มครองระหว่าง แบบ อบ. 1 และ อบ. 2 โดย แบบ อบ. 2 จะมีความคุ้มครองที่กว้างกว่า และน่าจะมีความเหมาะสมกับผู้ทำงานด้านช่าง หรืองานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับการใช้นิ้ว
พิจารณาความต้องการของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนเงินที่จะเอาประกันภัย ต้องเหมาะสมกับรายได้ (ประมาณ 10 เท่าของรายได้ต่อปี)
พิจารณาเบี้ยประกันภัยระหว่างบริษัทประกันภัยต่าง ๆ และเปรียบเทียบกันหลาย ๆ บริษัท
พิจารณาฐานะของบริษัทประกันภัย / และวิธีการดำเนินงานของบริษัท

หากเกิดภัยขึ้นตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ผู้เอาประกันภัยควรปฏิบัติเช่นไร จึงจะมีสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

เมื่อผู้เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบโดยทันที และนำหลักฐานอาทิเช่น ใบเสร็จแสดงรายการค่ารักษาพยาบาล รายงานของแพทย์ ใบแจ้งความ ใบมรณะบัตร เป็นต้น ส่งมอบให้บริษัทประกันภัย